เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเคมี จากการค้นพบระบบยูบิควิติน: กลไกควบคุมโปรตีนในเซลล์ พื้นฐานสำคัญของการพัฒนายาเป้าหมายสมัยใหม่
ศาสตราจารย์ อารอน ชิคาโนเวอร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์วิจัยชั้นผู้ใหญ่ (Distinguished Research Professor) ประจำคณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีอิสราเอล เทคเนียน (Technion – Israel Institute of Technology) เมืองไฮฟา ประเทศอิสราเอล อารอนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์ (M.Sc.; 1971) และปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต (M.D.; 1973) จากมหาวิทยาลัยฮีบรูแห่งเยรูซาเล็ม หลังจากนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติในฐานะแพทย์ทหารระหว่างปี 1973–1976 และศึกษาต่อระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ณ คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีเทคเนียน (D.Sc.; 1982)
ในช่วงเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาภายใต้การดูแลของ ดร.อาฟราม เฮอร์ชโก และร่วมงานกับ ดร.เออร์วิน เอ. โรส จากสถาบันวิจัยฟ็อกซ์ เชส (Fox Chase Cancer Center) เมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา พวกเขาได้ค้นพบว่า “ยูบิควิติน” เมื่อติดกับโปรตีนเป้าหมายด้วยพันธะโควาเลนต์ จะเป็นสัญญาณให้โปรตีนนั้นถูกย่อยสลายต่อไป พวกเขาได้ถอดรหัสกลไกการเชื่อมติดของยูบิควิติน อธิบายหน้าที่ของระบบย่อยสลายโปรตีนนี้อย่างเป็นสากล และนำเสนอแบบจำลองที่ระบุว่า การดัดแปลงโปรตีนด้วยยูบิควิตินเป็นสัญญาณให้เอนไซม์โปรตีเอสเฉพาะเจาะจงเข้ามาย่อยสลาย
หลังจากนั้น เขาทำวิจัยหลังปริญญาเอกกับ ดร.ฮาร์วีย์ โลดิช ที่ M.I.T. และได้ขยายองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบยูบิควิตินด้วยการค้นพบสำคัญเพิ่มเติม ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้มีการพิสูจน์ชัดเจนว่าระบบการย่อยสลายโปรตีนที่ขับเคลื่อนโดยยูบิควิติน (ubiquitin-mediated proteolysis) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการต่าง ๆ ภายในเซลล์ และความผิดปกติของระบบนี้เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหลายชนิด รวมถึงมะเร็งบางประเภทและโรคทางระบบประสาทเสื่อม ทำให้ระบบยูบิควิตินกลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการพัฒนายาแห่งอนาคต
อารอน ชิคาโนเวอร์ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ
• รางวัลอัลเบิร์ต ลาสเกอร์ (Albert Lasker Award) ปี 2000
• รางวัล EMET Prize ปี 2002
• รางวัล Israel Prize ปี 2003
• รางวัลโนเบลสาขาเคมี ปี 2004 (ร่วมกับ ดร.เฮอร์ชโก และ ดร.โรส)
อารอนยังเป็นสมาชิกของหลายสถาบันวิชาการระดับสูงทั่วโลก ได้แก่
• สถาบันวิทยาศาสตร์และมนุษยศาสตร์แห่งชาติอิสราเอล
• องค์การอณูชีววิทยายุโรป (EMBO)
• สถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์อเมริกัน (สมาชิกต่างชาติ)
• สมาคมปรัชญาอเมริกัน
• สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NAS) และสถาบันการแพทย์ (NAM) ในฐานะสมาชิกต่างชาติ
• สถาบัน Pontifical Academy of Sciences (วาติกัน)
• สถาบันวิทยาศาสตร์จีน (CAS; สมาชิกต่างชาติ)
• สถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซีย (สมาชิกต่างชาติ)
• สถาบันวิทยาศาสตร์เยอรมัน เลโอโปลดีนา (Leopoldina)
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 09.30 - 10.15 | Personlized Medicine Revolution: Are We Going to Cure All Diseases and at What Price? |
พญ.มิ่งขวัญดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ก่อนหน้านั้นเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง (2556-2566) หัวหน้ากลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า (2546-2556) แพทย์สาขาอายุรกรรม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าและปฏิบัติงานที่สำนักงานโครงการปฏิรูประบบบริการสาธารณสุข Health Care Reform Project (2537-2545) แพทย์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิเกา จ.ตรัง (2534-2537)
พญ.มิ่งขวัญเคยศึกษาดูงานและได้รับประกาศนียบัตรจากหลายสถาบันในต่างประเทศ อาทิเช่น
• Health care in Developing countries, Boston University, USA
• Health Insurance and Public Health Policy, University of North Carolina, USA
• Occupational and Environmental Radiation protection: Principles and
Practices of Radiation Safety, Harvard School of Public Health, Harvard University, USA
• Occupational Health for Asian countries, KOSHA & KOICA, Republic of Korea
• Authentic Leadership Program, University of North Carolina, USA
• Doing Business in Europe, University of St.Gallen, Switzerland
• Natural Resource Management and the Environment Workshop, Institute of
International Education, Denver, Colorado, USA
• Non Profit Organization Management, Duke University, USA
• Basic Hands-On CAMEO Training, Harvard School of Public Health, Harvard
University, USA
• Oxford Advanced Management and Leadership Program, Said Business School,
University of Oxford., UK
พญ.มิ่งขวัญมีผลงานวิจัยและตีพิมพ์เกี่ยวกับการแพทย์และการปฏิรูประบบการบริการสาธารณสุขหลาย
ฉบับ ผลงานที่โดดเด่น อาทิเช่น
• Mirattanaphrai, S., Suphannaphong, M., & Sriratanaban, J. (2024, December). Adverse events occurred within 30 minutes following COVID-19 vaccination at Bang Sue Central Vaccination Center, Bangkok, Thailand, July to December 2021. Outbreak, Surveillance, Investigation & Response Journal, 17(4).
• Sooksamran, A., Pichai, P., Suphannaphong, M., & Singthong, S. (2023, February). Previous therapy and the recurrence rate of basal cell carcinoma after Mohs surgery: A meta-analysis.
Archives of Dermatological Research.
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 10.15 – 10.45 | The Evolving Role of Pharmacists: Shaping the Future of Pharmaceutical Industry in a Fast-changing World |
ดร. เชอรีน อับบาส เฮลมี มีประสบการณ์วิชาชีพในอุตสาหกรรมยาเป็นเวลากว่า 45 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ท่านได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ ประธานกรรมการบริษัท Pharco Corporation, กรรมการบริษัท Batterjee Pharmaceuticals ประเทศซาอุดีอาระเบีย, Pharco Impex ประเทศโรมาเนีย, ที่ปรึกษาบริษัท SEEG Pharm ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ Presidio Pharmaceuticals ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท Wealth & Resource Mining S.A.E และกรรมการบริษัท BioGeneric Pharma S.A.E (BCP)
ดร.เชอรีน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย อเล็กซานเดรีย ในปี ค.ศ. 1981 ต่อมาได้รับปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) จาก Arab Academy for Science and Technology (AAST) และ Central Michigan University ในปี ค.ศ. 1999 และในปี ค.ศ. 2012 ได้รับปริญญาเอกบริหารธุรกิจ (Doctorate of Business Administration) จาก AAST ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความเป็นเลิศในโลกธุรกิจ นอกจากนี้ ท่านยังเข้าร่วมหลักสูตร Changing the Game: Negotiation & Competitive Decision-Making จาก Harvard Business School เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2021
ดร.เชอรีน เฮลมี ถือเป็นหนึ่งในนักธุรกิจคนสำคัญที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนกิจกรรมและองค์กรต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาด้านการศึกษา, อุตสาหกรรมยา และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอียิปต์ ท่านดำรงตำแหน่งกรรมการในหลายองค์กร เช่น มหาวิทยาลัยอเล็กซานเดรีย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร, คณะกรรมการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอเล็กซานเดรีย, สภาที่ปรึกษาเมือง Zewail City of Science and Technology และสภาวิจัยด้านยา (สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
นอกจากนี้ ท่านยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Mediterranean University เมืองอเล็กซานเดรีย และเป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิของ Egyptian Japanese University for Science and Technology (EJUST) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร และมหาวิทยาลัยพอร์ตซาอิด รวมถึงเป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Advisory Board: SAB) ของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอเมริกันในไคโร เป็นกรรมการคณะสหสาขาวิชาของสภามหาวิทยาลัย และเป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิของ Alamein International University
ดร.เฮลมี เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเคมีเภสัชกรรมในประเทศอียิปต์ และได้พัฒนายาใหม่สำหรับรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี (Virus C) ด้วยต้นทุนเพียง 0.1% ของราคาสากล โดยมีอัตราการรักษาหายสูงถึง 98%
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 11.00 - 11.45 | From Egypt to Thailand: Turning Hepatitis C Elimination into Reality |
ศาสตราจารย์คารา แฮนสัน สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย McGill ประเทศแคนาดา, มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ระบบสุขภาพ ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์และนโยบาย (Faculty of Public Health and Policy) วิทยาลัยด้านสาธารณสุขและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน
ในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ศาสตราจารย์คารา ทำงานวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ระบบสุขภาพในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง โดยมีผลงานสำคัญในด้าน การจัดหาเงินทุนระบบสุขภาพ (Health Financing) และระบบสุขภาพสำหรับภาคเอกชน (Private Health Sector)
ศ.คารา เป็นประธานคณะกรรมาธิการของ Lancet Global Health Commission ด้านการจัดหาเงินทุนสำหรับการดูแลสุขภาพปฐมภูมิ และเป็นผู้เขียนผลงานสำคัญเกี่ยวกับกลยุทธ์การจัดซื้อที่สามารถช่วยยกระดับประสิทธิภาพของระบบสุขภาพได้ งานวิจัยของศาสตราจารย์ คารา ด้านภาคเอกชนได้ช่วยขยายความเข้าใจทั้ง “โอกาส” และ “ข้อจำกัด” ของการใช้ภาคเอกชนในการขยายการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็น รวมถึงความท้าทายด้าน การกำกับดูแลตลาดบริการสุขภาพ (Regulating Healthcare Markets) ในยุคปัจจุบัน
ศ.คารายังให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ และองค์กรระหว่างประเทศด้านระบบสุขภาพและการจัดหาเงินทุน นอกจากนี้ เธอยังเป็น Visiting Fellow ของ Blavatnik School of Government แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด, เป็นผู้อำนวยการโครงการวิจัยด้านสุขภาพโลกของ NIHR และดำรงตำแหน่งประธานสมาคมนักเศรษฐศาสตร์สุขภาพนานาชาติ (International Health Economics Association)
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 13.00 - 13.45 | Collaboration to Secure Access to Essential Medicines in a Changing Global Environment |
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและบทบาทสำคัญในวงการสาธารณสุขและการแพทย์ของประเทศไทย
ท่านจบการศึกษาจากสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ:
• แพทยศาสตรบัณฑิต และ วิทยาศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
• Doctor of Philosophy (PhD) จาก University of London, สหราชอาณาจักร
• วุฒิบัตรและ Fellow ด้านศัลยศาสตร์จากแพทยสภา, Royal College of Surgeons of Edinburgh (F.R.C.S.Ed), และ American College of Surgeons (F.A.C.S)
ท่านมีประสบการณ์การทำงานที่ยาวนานและหลากหลาย โดยเฉพาะที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล:
• คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (พ.ศ. 2558 - 2565)
• นายกแพทยสภา (พ.ศ. 2560 - 2562)
• รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาคุณภาพ มหาวิทยาลัยมหิดล (พ.ศ. 2550 - 2554)
• ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2566)
ปัจจุบัน ศ.เกียรติคุณ ดร. นพ. ประสิทธิ์ มีตำแหน่งที่สำคัญหลายตำแหน่ง อาทิเช่น ประธานกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล, ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 และนายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 13.45 – 14.30 | Panel Discussion: Emerging Disease, Evolving Access & Equity |
สตีเย เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์และโรคติดเชื้อ และเป็นนักวิจัยทางคลินิกที่มุ่งเน้นการติดเชื้ออุบัติใหม่และการเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดใหญ่ เขาเป็นผู้นำงานวิจัยทางคลินิกด้านยาต้านไวรัสที่ MORU โดยประสานงานการทดลองทางคลินิกแบบแพลตฟอร์มเชิงปรับตัว(Adaptive Platform Trials) และพัฒนาวิธีการศึกษาการก่อโรคซึ่งโดยทั่วไปสามารถทำวิจัยได้เฉพาะในช่วงที่มีการระบาดอยู่เท่านั้น งานของเขาให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการนำยาที่มีอยู่แล้วมาปรับใช้ใหม่ (Drug Repurposing)
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 13.45 – 14.30 | Panel Discussion: Emerging Disease, Evolving Access & Equity |
ดร.ภญ.พรทิพย์ วิรัชวงศ์ เป็นผู้บริหารด้านเภสัชกรรมที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง มีประสบการณ์อย่าง กว้างขวางในด้านการวิจัยชีวเภสัชภัณฑ์ การพัฒนาวัคซีน และการพัฒนาสาธารณสุข ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการองค์การเภสัชกรรม ซึ่งท่านมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย ด้านนวัตกรรมวัคซีนและการผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ ด้วยวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาเภสัชวิทยาจาก มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม ท่านได้อุทิศตนเองเพื่อขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และเสริมสร้าง ความมั่นคงด้านสุขภาพของชาติ
ดร.ภญ.พรทิพย์เป็นผู้นำการดำเนินโครงการวัคซีนที่มีความสำคัญระดับชาติหลายโครงการสู่ ความสำเร็จ ได้แก่ การพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็นที่ลดความรุนแรง และวัคซีนโควิด-19 ชนิดรีคอมบิแนนท์ HXP-GPOVac
นอกจากนี้ท่านยังเป็นตัวแทนประเทศไทยในแผนปฏิบัติการระดับโลกขององค์การอนามัยโลกด้าน วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (WHO Global Action Plan for Influenza Vaccines - GAP) ส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาความพร้อมรับมือการระบาดใหญ่ระดับโลก งานวิจัยของท่านได้รับการตีพิมพ์ ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียง สะท้อนรากฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่น ในการพัฒนาที่อิงหลักฐานเชิงประจักษ์
ความสำเร็จที่โดดเด่นในฐานะผู้นำ
• นำการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิดรีคอมบิแนนท์บนพื้นฐานไวรัส NDV (HXP-GPOVac) เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นการเสริมสร้างนวัตกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ระดับชาติ และแสดงถึงศักยภาพความพร้อมในการรับมือกับการระบาด
• เป็นตัวแทนประเทศไทยในแผนปฏิบัติการระดับโลกขององค์การอนามัยโลกด้านวัคซีนไข้หวัดใหญ่ (WHO GAP) ขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านวัคซีนระดับโลก และการเข้าถึงเทคโนโลยี
• นำทีมดำเนินโครงการพัฒนาวัคซีนระดับชาติหลายโครงการสู่ความสำเร็จ ได้แก่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิดเชื้อเป็นที่ลดความรุนแรงและชนิดเชื้อตาย ซึ่งได้รับรางวัลนวัตกรรมระดับชาติอันทรงเกียรติ
• เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์แบบครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การออกแบบกระบวนการผลิต ไปจนถึงการประเมินทางคลินิกและการปฏิบัติตามข้อกำหนด ด้านกฎระเบียบ เสริมสร้างการพึ่งพาตนเองและความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศไทย
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 15.00 – 15.45 | Panel Discussion: Towards Pharmaceutical Equity: GPO's Achievements and Its Visions for the Future |
ดร.ภญ.รัชนีกร เป็นผู้บริหารระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์ด้านเภสัชกรรมที่มีความโดดเด่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ด้วยประสบการณ์การทำงานในองค์การเภสัชกรรมยาวนานกว่าสองทศวรรษ บทบาทผู้นำของท่านมุ่งเน้นการบูรณาการนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เข้ากับการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข เส้นทางอาชีพของท่านภายในองค์การเภสัชกรรมครอบคลุมตำแหน่งสำคัญหลายด้าน อาทิ เภสัชกรวิจัย ผู้จัดการโครงการ และรองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา ซึ่งหล่อหลอมให้ท่านมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งด้านกลยุทธ์นวัตกรรมและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน
ก่อนเข้ารับตำแหน่งปัจจุบัน ดร. รัชนีกรเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายโลจิสติกส์และการบริหารซัพพลายเชน โดยเป็นผู้นำการขับเคลื่อนโครงการสำคัญด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ โครงการที่โดดเด่น ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าขององค์การเภสัชกรรม ซึ่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พัฒนาระบบบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีบทบาทสำคัญต่อการประกันความต่อเนื่องและความครอบคลุมในการกระจายยาจำเป็นแก่ประเทศ ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างมีนัยสำคัญ โครงการภายใต้การกำกับดูแลของท่านมีส่วนช่วยยกระดับระบบการกระจายเวชภัณฑ์ของประเทศให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และมีความยืดหยุ่นเชิงระบบ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านสาธารณสุขที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนในระดับประเทศ
ความเชี่ยวชาญด้านงานวิจัยของ ดร. รัชนีกร มุ่งเน้นที่การวิจัยและพัฒนาด้านเภสัชกรรม โดยเฉพาะการพัฒนาระบบนำส่งยาขั้นสูง รูปแบบยาใหม่ และการผสมผสานตัวยาใหม่ ๆ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มการรักษา เช่น ยาต้านไวรัสเอชไอวี/เอดส์ และการรักษาโรคตับอักเสบ ท่านมีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการบริหารโครงการวิจัยที่มีความซับซ้อนและต้องอาศัยการทำงานข้ามสาขา ผ่านความร่วมมือกับสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้การพัฒนางานวิจัยสามารถถ่ายทอดจากระดับห้องปฏิบัติการไปสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้อย่างราบรื่น
พื้นฐานทางวิชาการของ ดร. รัชนีกร สะท้อนการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์และความสามารถด้านการบริหารธุรกิจ ท่านสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเภสัชศาสตร์จาก University of Manchester สหราชอาณาจักร โดยผลงานวิจัยบุกเบิกด้านระบบนำส่งยาทางปากของท่านได้รับรางวัล Eurand Award อันทรงเกียรติ นอกจากนี้ ท่านยังสำเร็จการศึกษาปริญญาโทบริหารธุรกิจ และปริญญาตรีเภสัชศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พื้นฐานการศึกษาที่ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์และการบริหารนี้ ทำให้ท่านมีศักยภาพโดดเด่นในการเชื่อมโยงนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ กลยุทธ์ทางธุรกิจ และผลกระทบเชิงบวกต่อระบบสาธารณสุขของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 15.00 – 15.45 | Panel Discussion: Towards Pharmaceutical Equity: GPO's Achievements and Its Visions for the Future |
องค์การเภสัชกรรม
นักวิจัยด้านเภสัชกรรมที่มุ่งมั่นและมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์จากพืช และผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีประสบการณ์ด้านการออกแบบตำรับยา การพัฒนาและการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของวิธีวิเคราะห์ การประสานงานการศึกษาก่อนและระหว่างการทดลองทางคลินิก และการจัดเตรียมเอกสารด้านกฎระเบียบเพื่อขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีทักษะในการบูรณาการแง่มุมสหสาขาวิชาชีพของการพัฒนาผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่ปลอดภัย มีประสิทธิผล และเป็นนวัตกรรม มีใจรักและอุทิศตนในการขับเคลื่อนการพัฒนายาใหม่และปรับปรุงผลลัพธ์การรักษาผ่านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และการประสานความร่วมมือ
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 15.00 – 15.45 | เสวนา "องค์การเภสัชกรรม: บทพิสูจน์ความสำเร็จและวิสัยทัศน์สู่อนาคต |
ประสบการณ์ทางวิชาชีพของดร.นรภัทร ครอบคลุมการพัฒนาวัคซีนที่ผลิตภายในประเทศ สอดคล้องกับนโยบายการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนของประเทศไทย ท่านยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรกระบวนการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี (JE) ชนิดเชื้อเป็นที่ลดความรุนแรงโดยใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ (เลขที่ 22235 - 15 สิงหาคม 2566)
ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ดร.นรภัทรเป็นสมาชิกสำคัญของทีมพัฒนาวัคซีนขององค์การเภสัชกรรม มีส่วนร่วมในการสร้างวัคซีนโควิด-19 ที่ใช้แพลตฟอร์มไวรัสนิวคาสเซิลดิสซีส (Newcastle Disease Virus - NDV) ชนิดรีคอมบิแนนท์ นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้เขียนหนังสือ "สงครามวัคซีน" ซึ่งนำเสนอบันทึกเชิงวิพากษ์เกี่ยวกับความท้าทายระดับโลกและผลกระทบทางสังคมและวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากการพัฒนาวัคซีนโควิด-19
ท่านยังดำรงตำแหน่งผู้จัดการโครงการพัฒนาสเปรย์พ่นจมูกที่มีแอนติบอดีโมโนโคลนอลต้านเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งได้รับการจัดจำหน่ายทั่วประเทศเกิน 500,000 หน่วยในช่วงการระบาด
งานวิจัยปัจจุบันของท่านมุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนบำบัดมะเร็งเฉพาะบุคคลโดยใช้แพลตฟอร์มโพลีเปปไทด์ (Polypeptide-based Platform) การวิจัยนี้อยู่ในระยะการศึกษาทางคลินิกในมนุษย์ และดำเนินการร่วมกับพันธมิตรทางวิชาการจากคณะแพทยศาสตร์และโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศไทย รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากสหรัฐอเมริกาที่เชี่ยวชาญด้านการบูรณาการข้อมูลจีโนมมะเร็ง (Cancer Genomic Data Integration)
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 15 มกราคม 2569 | 15.00 – 15.45 | Panel Discussion: Towards Pharmaceutical Equity: GPO's Achievements and Its Visions for the Future |
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นนักวิชาการและนักการเมืองที่มีชื่อเสียง เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลหลายชุด และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและนวัตกรรมของประเทศ โดยเฉพาะแนวคิด "ประเทศไทย 4.0" และเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy)
ดร.สุวิทย์ จบการศึกษาระดับปริญญาเอก (Ph.D.) สาขาการตลาด (Marketing Management) จาก Kellogg Graduate School of Management, Northwestern University ประเทศสหรัฐอเมริกา จบปริญญาโท(MBA) สาขาการตลาด จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และท่านจบปริญญาตรี เภสัชศาสตรบัณฑิต จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ท่านมีประสบการณ์ทั้งในภาควิชาการ ภาคธุรกิจ และภาครัฐ:
• งานวิชาการ: เคยเป็นอาจารย์และผู้บริหารที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• งานภาครัฐ/การเมือง
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
หลังจากพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง ดร.สุวิทย์ยังคงมีบทบาทในภาคเอกชนและองค์กรอิสระ:
• ประธานกรรมการ (อิสระ) บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) (TVO)
• ประธานกรรมการ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT)
• กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 16 มกราคม 2569 | 09.00 – 09.45 | Total System Well-Being |
ดร.หว่านซิง ซุย ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ผลิตเซลล์บำบัด (Cell Therapy Manufacturing Facility) แห่งโรงพยาบาล MedStar Georgetown University Hospital กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา งานของดร.หว่านซิง ซุย มุ่งเน้นด้านระบบบริหารคุณภาพ (Quality Management Systems), การปฏิบัติตามข้อกำหนด cGMP/cGTP และการเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจประเมินทั้งในภาคคลินิกและกระบวนการผลิต
ดร.หว่านซิง ซุย ยังทำหน้าที่เป็น Assessor ให้กับ Association for the Advancement of Blood & Biotherapies (AABB) เป็นผู้ตรวจประเมินของ College of American Pathologists (CAP) และเป็นผู้ตรวจประเมินของ Foundation for the Accreditation of Cellular Therapy (FACT)
ประสบการณ์ของ ดร.ซุย ครอบคลุมการออกแบบระบบคุณภาพสำหรับการรับรองหลายมาตรฐาน การประยุกต์แนวคิดการประเมินความเสี่ยง (Risk-based Approaches) ในด้าน Data Integrity, Process Validation และ Supplier Oversight รวมถึงสนับสนุนงาน Technology Transfer และการพัฒนาทักษะแรงงาน (Workforce Training)
ดร.ซุยร่วมทำงานกับสมาคมวิชาชีพและองค์กรพันธมิตรในการวางระบบควบคุมที่ตรวจสอบได้ในบริบทของโรงพยาบาลและอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้ระบบเอกสารดิจิทัลและ AI เพื่อสนับสนุนความพร้อมด้านกฎระเบียบและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ดร.ซุยเป็นผู้เขียนบทความวิจัยที่ผ่านการทบทวนโดยผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า 70 บทความ และเป็นผู้ประดิษฐ์ที่มีชื่อใน สิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีชีวภาพหลายฉบับ เขาเคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการระดับนานาชาติ เช่น
• คณะกรรมการประสานงานด้าน Cellular Therapies ของ AABB
• คณะกรรมการร่วม iPSC ของ ISCT
• คณะกรรมการ Laboratory Practices Committee (LPC) ของ ISCT
• คณะกรรมการ Advocacy Committee ของ International Pancreas and Islet Transplant Association (IPITA)
• อดีตประธานร่วมของ National Marrow Donor Program (NMDP) Cell Therapy Lab Alliance
• ที่ปรึกษาและพี่เลี้ยงผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่ผ่านโปรแกรม Professional Education ของ ISCT และโปรแกรม Early-Stage Professionals ของ AABB อีกด้วย
คำอธิบายตัวย่อองค์กรที่เกี่ยวข้อง
AABB – Association for the Advancement of Blood & Biotherapies
องค์กรนานาชาติไม่แสวงหากำไร ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ปฏิบัติงานและสถาบันด้านเวชศาสตร์การให้เลือดและชีวบำบัด
ISCT – International Society for Cell & Gene Therapy
สมาคมระดับโลกที่รวมแพทย์ นักวิจัย ผู้กำกับดูแล นักเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมผู้พัฒนา Cell & Gene Therapy ด้วยวิสัยทัศน์ร่วมกันในการผลักดันการรักษาให้ปลอดภัยและมีประสิทธิผลเพื่อผู้ป่วยทั่วโลก
CAP – College of American Pathologists
องค์กรแพทย์พยาธิวิทยาในสหรัฐอเมริกาที่มีสมาชิกกว่า 18,000 คน เป็นสถาบันผู้นำด้านการรับรองห้องปฏิบัติการทางพยาธิวิทยา (Laboratory Accreditation Body)
FACT – Foundation for the Accreditation of Cellular Therapy
องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ก่อตั้งร่วมกันโดย ISCT และ American Society for Transplantation and Cellular Therapy (ASTCT) เพื่อกำหนดมาตรฐานและให้การรับรองคุณภาพสูงสุดในสาขา Cell Therapy
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 16 มกราคม 2569 | 09.45 - 10.30 | Building Compliant Quality Systems for ATMPs: Global Practical Pathways to Regulatory Success |
ดร.จวิน หลี่ เป็นนักนวัตกรรมด้านไบโอเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมไวรัสและเซลล์ภูมิคุ้มกัน และเป็นผู้นำในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Cell and Gene Therapy (CGT) แบบก้าวล้ำ เช่น ไวรัสออนโคไลติก NDV และเทคโนโลยี Allogeneic CAR-T
ดร.หลี่ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก (Ph.D.) สาขาชีวเคมีจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ (University of Utah) และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในบริษัทชั้นนำอย่าง Novartis และ WuXi AppTec เขาเป็นผู้เขียนผลงานวิจัยมากกว่า 40 บทความ และถือสิทธิบัตรกว่า 40 ฉบับ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการทำงานร่วมกันในระดับนานาชาติ มุ่งผลักดันให้การบำบัดด้วยเซลล์และยีน ซึ่งเป็นการรักษาเชิงเปลี่ยนแปลง (Transformative Therapies) สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและมีราคาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยทั่วโลก
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 16 มกราคม 2569 | 11.00 - 11.45 | Oncolytic Newcastle Disease Virus for Cancer Therapy |
ดร.พิมพ์ลภัส ลี้กิจเจริญผล หรือ "พี่ชินนี่" เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านชีวสารสนเทศ (Bioinformatics) และประสบความสำเร็จอย่างสูงในต่างประเทศ หลังจากจบการศึกษาในประเทศไทย ดร.พิมพ์ลภัสได้รับไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่ Technical University of Denmark (DTU) ประเทศเดนมาร์ก
ดร.พิมพ์ลภัสเป็นที่รู้จักในฐานะนักวิจัยและอาจารย์ที่ทำงานในประเทศเดนมาร์ก
• ตำแหน่งปัจจุบัน: นักวิจัยอาวุโส ประจำกลุ่มวิจัยระบาดวิทยาจีโนม (Research Group of Genomic Epidemiology), สถาบันอาหารแห่งชาติ (National Food Institute) ของ Technical University of Denmark (DTU)
• งานวิจัย: เชี่ยวชาญด้านการใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อศึกษาระบาดวิทยาของเชื้อโรค โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับเชื้อดื้อยา (Antimicrobial Resistance - AMR)
• รางวัล: ได้รับรางวัล นักศึกษาปริญญาเอกดีเด่น (Elite Researcher Award) ประจำปี 2013 ของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่นักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีผลงานโดดเด่น
นอกจากงานวิจัยแล้ว ดร.พิมพ์ลภัสยังเป็นที่รู้จักในสังคมไทยจากการเป็นวิทยากรรับเชิญในรายการ หรือพอดแคสต์ต่างๆ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตนักวิทยาศาสตร์ไทยในต่างแดน และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 16 มกราคม 2569 | 13.00 - 13.45 | Antibiotic Resistance: What is the Alternative? |
ภญ.กิตติพรสำเร็จการศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังจากนั้น ภญ.กิตติพรได้มีประสบการณ์การทำงานทางด้านเภสัชกรรมที่หลากหลายและมีประโยชน์ต่อวงการเภสัชกรรม ดังนี้
• หัวหน้างานบริบาลเภสัชกรรมผู้ป่วยนอก ปี พ.ศ. 2544-2547
• หัวหน้างานศูนย์ข้อมูลยา ปี พ.ศ. 2548-2554
• หัวหน้างานบริการและบริบาลเภสัชกรรมผู้ป่วยใน ปี พ.ศ. 2555-ปัจจุบัน
• ผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการต่างๆของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เช่น คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด, คณะอนุกรรมการประเมินการใช้ยาในโรงพยาบาล, คณะอนุกรรมการความปลอดภัยด้านยาคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง, คณะอนุกรรมการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านยา, คณะอนุกรรมการส่งเสริมและกำกับการใช้ยาอย่างสมเหตุผล เป็นต้น
• คณะทำงานพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยด้านยาและระบบบริการของจังหวัด
• วิทยากรให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการพัฒนาระบบด้านยา และงานเภสัชกรรม (หัวข้อการพัฒนาระบบการจ่ายยาโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย) ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2566
• วิทยากรของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาซึ่งเป็นแหล่งศึกษาดูงานนวัตกรรมหุ่นยนต์จัดยา ให้แก่ โรงพยาบาล องค์กรต่างๆทั้งในระดับโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ สภากาชาดไทย โรงเรียนแพทย์ สำนักการแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุข ไม่น้อยกว่า 15 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนั้น ภญ.กิตติพรยังมีผลงานด้านงานวิชาการที่สำคัญ ดังนี้
• นำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง การศึกษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องบรรจุยาเม็ดอัตโนมัติ และเครื่องตรวจสอบยาเม็ดอัตโนมัติห้องยาผู้ป่วยในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566
• นำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง การศึกษาประสิทธิภาพก่อนและหลังการปรับปรุงเครื่องตรวจสอบเม็ดยาอัตโนมัติ ห้องยาผู้ป่วยใน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ในการประชุมสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2566
• นำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง การศึกษาความคลาดเคลื่อนในการจัดยาภายหลังใช้ระบบตู้อิเล็กทรอนิกส์จัดยากึ่งอัตโนมัติในแผนกผู้ป่วยใน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา (The study of medication dispensing errors after use semi-automatic electronic pill cabinets in patient department, Maharat Nakhonratchasima Hospital) ในการประชุมวิชาการประจำปี HA National Forum ระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคม 2567
• นำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง ผลการนำตู้อิเล็กทรอนิกส์ยาด่วนกึ่งอัตโนมัติมาใช้ในหอผู้ป่วยใน อาคาร 60 ปี อายุรกรรมโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา (Result of using a semi-automatic emergency distribution cabinets in patient, Maharat Nakhon Ratchasima Hospital) นำเสนอแบบ Oral presentation ในการประชุมสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) ระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2567 และในการประชุมการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบความปลอดภัยด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567
| DATE | TIME | TITLE |
|---|---|---|
| 16 มกราคม 2569 | 13.45 - 14.30 | Optimization of Medication Dispensing Systems Using Robotic Innovation |